HP ยังคงมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาเป็นระยะๆ และค่อนข้างชัดเจนว่าในกลุ่มตลาดนักธุรกิจเป็นส่วนใหญ่ และ HP Elite X2 แท็บเลตที่เรียกกันว่า Hybrid – Laptop บนระบบปฏิบัติการ Windows ที่มาเต็มกับอุปกรณ์เสริมที่พร้อมแปลงร่างเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดย่อม หรือกลายเป็นกระดาษจดข้อมูลดิจิตอลได้ในพริบตา
กับตัวเครื่องสีเงินแบบด้าน [คล้ายๆ กับเป็นเอกลักษณ์ของเครื่อง HP ไปแล้ว] ด้วยตัวเครื่องที่บางเพียง 8.1 มิลลิเมตร บนดีไซน์ที่มาพร้อมกับขาตั้งในตัวเองที่สามารถปรับขนาดได้ถึง 150 องศา ทำให้ตัวเครื่อง Elite X2 เป็นแท็บเลตที่พร้อมใช้งานได้ในทุกที่อย่างสะดวก และพร้อมใช้งานได้เสมอ
HP Elite X2 Specification
Operating System | Windows 10 Pro |
Processor | 6th Generation Intel Core M7-6Y75; 1.2 GHz |
Display | 12” HD (1,920 x 1,280) Multi Touch |
Disk Drive | SSD 512 GB / Micro SD up to 8 GB |
Audio | Bang & Olufsen |
Camera | Front [2 MP]& Back [5 MP] |
Connectivity | Wi-Fi, Bluetooth, Mini USB, SD Card Slot, SIM Card Slot [Micro SIM] |
Accessories | HP Active Pen, Travel Keyboard |
Price | Start 34,990 Baht. |
![HP Elite X2 Package: HP Elite X2, AC Adaptor, HP Active Pen with accessories, Removable QWERTY Keyboard [ในอีกชื่อคือ Travel Keyboard] and Manual User](http://www.mobileasia.net/wp-content/uploads/2016/04/21.jpg)
HP Elite X2 Package: HP Elite X2, AC Adaptor, HP Active Pen with accessories, Removable QWERTY Keyboard [ในอีกชื่อคือ Travel Keyboard] and Manual User

ด้านหน้าตัวเครื่องเป็นแท็บเลตระบบะสัมผัสสมบูรณ์แบบบนขนาด 12” HD (1,920 x 1,280) พร้อมระบบมัลติทัช และเคลือบด้วย Corning Gorilla Glass 4 อีกชั้นหนึ่ง
![ด้านซ้ายกับปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง, ปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง, ช่องใส่ SIM Card, ช่องสำหรับช่วยเปิดขาตั้ง [Kickstand] และช่องร้อยสายคล้อง](http://www.mobileasia.net/wp-content/uploads/2016/04/6.jpg)
ด้านซ้ายกับปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง, ปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง, ช่องใส่ SIM Card, ช่องสำหรับช่วยเปิดขาตั้ง [Kickstand] และช่องร้อยสายคล้อง

ด้านหลังเครื่องนอกจากโลโก้ HP แล้ว ยังมีกล้องดิจิติอลความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช รวมถึงแถบ Finger Print

ในส่วนของ Travel Keyboard จะมีช่องเสียบเพื่อเชื่อมต่อกับตัวแท็บเลต จุดเด่นคือมีช่องเสียบ Smart Card อยู่ด้านข้างคีย์บอร์ด และในส่วนของ Touchpad จะฝังในส่วนของการใช้งาน NFC เอาไว้ด้วย

สำหรับปากกา Active Pen เผินๆ จะเหมือนปากกาทั่วไป มีหัวให้สามารถเปลี่ยนได้ ตรงส่วนปากกาจะมีปุ่มสำหรับลบข้อความ หรือเลือกข้อความ แต่ที่เด็ดสุดคือด้านบนสุดของปากกากดลงไปแล้วจะเป็นการเรียกการใช้งาน MS OneNote แหล่งพลังงานใช้งานถ่านขนาด AAAA x 2
มาดูความสามารถของตัวเครื่องภายในกันบ้างกับแบตเตอรีในตัว ไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้ซึ่งสามารถรองรับการใช้งานต่อเนื่องได้10 ชั่วโมง, รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 10 บนขุมพลัง Intel Core M processor vPro 6th generation, หน่วยความจำเลือกใช้งานแบบ Solid State 512 GB และพลังเสียงของเครื่องผ่านลำโพง Bang & Olufsen รวมไปถึงไมโครโฟนสองตัวที่มาพร้อม HP Noise Reduction Software ในการช่วยลดเสียงรบกวน
การใช้งานจริง
HP Elite X2 นำเสนอความเป็น Hybrid-Laptop ที่หลังจากเปิดการใช้งานลงโปรแกมครบ ก็เริ่มใช้งานกันได้เลย ก็เหมือนกับเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดย่อมที่สามารถถอดคีย์บอร์ดออกได้ตามต้องการ ตัวเครื่องหลายคนบอกน้ำหนักเบา แต่สำหรับผมแล้วถือว่า Elite X2 น้ำหนักไม่น้อยเท่าไร กับวัสดุตัวเครื่องที่เป็นอลูมิเนียมอัลลอยแข็งแรง แถมยังมีขาตั้ง (Kickstand) ติดมากับตัวอีกต่างหาก น้ำหนักมากขึ้นตามวัสดุที่คงทน แต่การถือจับพกพาต่างๆ ทำออกมาได้ดี ตัวคีย์บอร์ดเองอย่างที่บอกว่ามีขนาดบางและเบา ไม่มีแบตเตอรีในตัว และสามารถใช้งานได้ง่ายขึ้นเพียงเสียบกับตัวแท็บเลตก็ใช้งานได้ทันทีปรับได้สองระดับ แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคน ส่วนตัวชอบมากครับ ดูพรีเมี่ยมและเหมาะสำหรับการพกพามาก
ในส่วนของตัว OS นั้นเป็นระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro นั้นก็ตอบโจทย์อยู่แล้วว่านี่จะเป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับการทำงานของคุณที่เหลือก็เพียงใส่โปรแกรมทั้งหลายที่ต้องการจัดการลงไปเท่านั้น สำหรับ CPU Intel Core M processor; 1.2 GHz ไม่ใช่ตัวท๊อปแต่อย่างใด แต่ที่เลือกมาใส่เพราะ CPU ตระกูลนี้ออกแบบมาเพื่อการใช้งานอุปกรณ์สไตล์นี้อยู่แล้ว ช่วยในการลดความร้อนทำให้ไม่ต้องมีพัดลมระบายอากาศเหมือนกับโน๊ตบุ๊ค หรือพีซีทั่วไปนั่นเอง รวมไปถึงมีความสามารถเสริมในการช่วยในเรื่องของการยืดอายุการใช้งานแบตเตอรีได้ด้วย สำหรับ HP Active Pen หลังจากลองใช้งานแล้ว ผมกลับมองว่าเป็นส่วนเสริมมากกว่าสำหรับตอนใช้งานแท็บเลตนำติดตัวไปนอกสถานที่ในการจดบันทึกต่างๆ นอกจากนั้นเมื่ออยู่บ้านหรือออฟฟิศเราไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์จากมันมากนัก
สำหรับพอร์ตการเชื่อมต่อจัดมาแน่นได้แก่ Thunderbolt 3และพอร์ต USB-A ด้วยความสามารถด้านรักษาความปลอดภัยแบบบิวท์อิน เช่น HP Sure Start with Dynamic Protection, HP Client Security, TPM และส่วนเสริมอย่างเครื่องอ่านลายนิ้วมือหรือสมาร์ทการ์ดรีดเดอร์ ในขณะที่กล้องดิจิตอลก็เป็นอีกจุดที่มีใส่ไว้ในเครื่องให้ใช้งานกัน รวมไปถึงในส่วนของการรองรับ Micro SIM เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อข้อมูลได้ผ่านทางเครือข่าย 4G ตามแต่ละโอเปอเรเตอร์ที่ผู้ใช้เลือกรับบริการ
สรุป
HP Elite X2 บนความเป็น Hybrid Tablet ยังมีจุดยืนชัดเจนในแง่ของดีไซน์ที่คงความเป็นพรีเมี่ยมสวยเฉียบ คุ้มค่าในสไตล์นักธุรกิจ เอาไว้สำหรับการทำงานเป็นหลักจะพิมพ์สั่งงานผ่านคีย์บอร์ด สั่งงานผ่านระบบสัมผัสบนหน้าจอแสดงผลก็ได้ทั้งนั้น หรือจะสนุกกับมัลติมีเดียก็ได้ด้วยลำโพงเสียงหรูๆ จาก Bang & Olufsen บริษัทเครื่องเสียงชั้นนำจากประเทศเดนมาร์ก กอปรกับซอฟต์แวร์มากมายที่ต้องการให้ข้อมูลภายในเครื่อปลอดภัย
ในความเห็นส่วนตัวผมมองเจ้า Elite X2 เป็นโน๊ตบุ๊คมากกว่าที่จะเป็นแท็บเลตนะครับ เพราะ Windows 10 แม้จะออกระบบมาให้เอื้อกับการใช้งานระบบสัมผัส แต่กับโปรแกรมต่างๆ ที่จะใช้งานตัว OS ได้เต็มประสิทธิภาพก็ยังคงเป็นโปรแกรมเพื่อการทำงานเสียส่วนมาก ชอบตรงที่ HP ใส่ทุกอย่างที่ควรมีในการเชื่อมต่อมาให้ครบในตัว ขณะที่จุดที่ไม่ค่อยชอบนักคงเป็นเรื่องของ CPU ที่ยังคงเป็น Core M เท่านั้นในราคา 34,990 บาท ถือว่าสูงมากหากมองในแง่ของสเป็คซึ่งแลกมาด้วยดีไซน์ที่เหมาะกับการพกพา และหลากหลายของดีไวซ์ ขึ้นกับความต้องการของผู้ใช้งานแต่ละคนด้วยนั่นเอง
Tags: elite, hp, hybrid, microsoft, review, tablet, Windows, x2